(Theory of
Cooperative or Collaborative Learning)
ทิศนา แขมมณี (2553: 98) กล่าวไว้ว่า ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Theory of Cooperative or
Collaborative Learning) นักการศึกษาคนสำคัญที่เผยแพร่แนวคิดของการเรียนรู้แบบนี้
คือ สลาวิน (Slavin) เดวิด จอห์นสัน (David Johnson) และรอเจอร์ จอห์นสัน (Roger Johnson) เขากล่าวว่า
ในการจัดการเรียนการสอนโดยทั่วไป
เรามักจะไม่ให้ความสนใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์และปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียน
ส่วนใหญ่เราจะมุ่งไปที่ปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับผู้เรียน
หรือระหว่างผู้เรียนกับบทเรียน
ความสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนเป็นมิติที่ใกล้จะถูกละเลยหรือมองข้ามไปทั้ง ๆ
ที่มีผลการวิจัยชี้ชัดเจนว่า ความรู้สึกของผู้เรียนต่อตนเอง ต่อโรงเรียน
ครูและเพื่อนร่วมชั้น มีผลต่อการเรียนรู้มาก
องค์ประกอบของการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Johnson and Johnson, 1994:
31-37)
- การพึ่งพาและเกื้อกูลกัน (positive
interdependence)
- การปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิด
(face-to-face promotive interaction)
- ความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ของสมาชิกแต่ละคน
(individual accountability)
- การใช้ทักษะการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลแลละทักษะการทำงานกลุ่มย่อย
(interpersonal and small-group skills)
สมปอง จันทคง (http://www.kroobannok.com/blog/35261)
ได้รวบรวมและกล่าวถึงทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Theory of Cooperative or
Collaborative Learning) ว่า ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Theory
of Cooperative or Collaborative Learning)
คือ การเรียนรู้กลุ่มย่อย
โดยสมาชิกกลุ่มที่มีความสามารถแตกต่างกันประมาณ 3-5 คน
ช่วยกันเรียนรู้เพื่อไปสู่เป้าหมายของกลุ่ม เป็นแนวคิดของ สลาวิน เดวิด จอห์นสัน
และ รอเจอร์ จอห์นสัน มีการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนมี 3
ลักษณะ คือ
1.
ลักษณะของการแข่งขัน ในการศึกษาเรียนรู้ เพื่อให้ได้คะแนนดี
ได้รับยกย่อง หรือได้รับการตอบแทนในลักษณะต่าง
2. ลักษณะต่างคนต่างเรียน
รับผิดชอบในการเรียนของตนเองให้เกิดการเรียนรู้ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้อื่น
3. ลักษณะ
ร่วมมือกันหรือช่วยกันในการเรียนรู้ คือ
แต่ละคนต่างก็รับผิดชอบในการเรียนรู้ของตนเอง
และช่วยเพื่อนสมาชิกอื่นเรียนรู้ด้วย
ในปัจจุบันมักส่งเสริมการเรียนรู้แบบแข่งขันซึ่งอาจมีผลทำให้ผู้เรียนเกิด
ความเคยชินต่อการแข่งขันเพื่อแย่งชิงผลประโยชน์มากกว่าร่วมมือแก้ปัญหา แต่ก็ให้โอกาสผู้เรียนได้เรียนรู้ทั้ง 3 ลักษณะ
เเม่นำ (http://www.oknation.net/blog/print.php?id=294321) กล่าวไว้ว่าการเรียนรู้เป็นกลุ่มย่อยโดยสมาชิกกลุ่มที่มีความสามารถแตกต่างกันประมาณ
3 – 6 คน
ช่วยกันเรียนรู้เพื่อไปสู่เป้าหมายของกลุ่ม
โดยผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันในลักษณะแข่งขันกัน
ต่างคนต่างเรียนและร่วมมือกันหรือช่วยกันในการเรียนรู้ การจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จะเน้นให้ผู้เรียนช่วยกันในการเรียนรู้
โดยมีกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนมีการพึ่งพาอาศัยกันในการเรียนรู้ มีการปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิด มีการสัมพันธ์กัน มีการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม มีการวิเคราะห์กระบวนการของกลุ่ม
และมีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบงานร่วมกัน
ส่วนการประเมินผลการเรียนรู้ควรมีการประเมินทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ
โดยวิธีการที่ หลากหลายและควรให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการประเมิน
และครูควรจัดให้ผู้เรียนมีเวลาในการวิเคราะห์การทำงานกลุ่มและพฤติกรรมของสมาชิกกลุ่ม
เพื่อให้กลุ่มมีโอกาสที่จะปรับปรุงส่วนบกพร่องของกลุ่มเดียว
สรุป
ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Theory of Cooperative or
Collaborative Learning) การเรียนรู้เป็นกลุ่มย่อยโดยมีสมาชิกกลุ่มที่มีความสามารถแตกต่างกันประมาณ
3 – 6 คน ช่วยกันเรียนรู้เพื่อไปสู่เป้าหมายของกลุ่ม
โดยผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันในลักษณะแข่งขันกัน
ต่างคนต่างเรียนและร่วมมือกันหรือช่วยกันในการเรียนรู้
องค์ประกอบของการเรียนรู้แบบร่วมมือ
คือ
- การพึ่งพาและเกื้อกูลกัน (positive
interdependence)
- การปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิด
(face-to-face promotive interaction)
- ความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ของสมาชิกแต่ละคน
(individual accountability)
- การใช้ทักษะการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลแลละทักษะการทำงานกลุ่มย่อย
(interpersonal and small-group skills)
ที่มา
ทิศนา แขมมณี. (2553). ศาสตร์การสอนองค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ.
พิมพ์ครั้งที่ 13. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สมปอง จันทคง. ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับหลักการและวิธีการสอน.
[online],Available:
เเม่นำ. ทฤษฎีเกี่ยวกับการเรียนรู้. [online],Available:
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=294321.
[2556,
28 กรกฎาคม].
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น