ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มผสมผสานของกาเย
(Gagne’s
eclecticism)
ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์ (2543 : 86-88 )
ได้ผสมผสานทฤษฎีพฤติกรรมนิยมกับทฤษฏีความรู้ความเข้าใจ แล้วสรุปเป็น 8
ขั้นตอนในการเรียนรู้
1.
การเรียนรู้สัญญาณ ( Sign
Learning ) เป็นการเรียนรู้ที่อยู่ในระดับต่ำสุด
เป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ เช่น จกการทดลองการหลั่งน้ำลายของสุนัข
เมื่อสุนัขได้ยินเสียงกระดิ่ง ตามทฤษฎีการเรียนรู้แบบมีเงื่อนไขของ Pavlov การเรียนรู้สัญญาณเป็นสิ่งที่เราสามารถสังเกตเห็นจากชีวิตประจำวันของเรา
ได้แก่ การกระพริบตา เมื่อมีของมากระทบตาเรา
2.
การเรียนรู้ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งเร้าและการตอบสนอง ( Stimulus Response
Learning ) เป็นการเคลื่อนไหวของอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายต่อสิ่งเร้า
เป็นการเน้นข้อต่อระหว่างสิ่งเร้าและการตอบสนองโดยผู้เรียนเป็นผู้กระทำเอง เช่น
การทดลองจิกแป้นสีของนกพิราบจากการทดลองของ Skinner
3.
การเรียนรู้การเชื่อมโยง ( Chaining ) เป็นการเรียนรู้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้าและการตอบสนองติดต่อกับเป็นการเรียนรู้ในด้านทักษะ
เช่น การเขียน การอ่าน การพิมพ์ดีด และการเล่นดนตรี เป็นต้น
4.
การเชื่อมโยงทางภาษา ( Verbal
Association ) เป็นการเชื่อมโยงความหมายทางภาษาโดยออกมาเป็นคำพูด
แล้วจึงใช้ตัวอักษร เช่น การเรียนการใช้ภาษา รวมทั้งการเขียนตัวอักษรด้วย
5.
การแยกประเภท ( Multiple
Discrimination Learning ) เป็นความสามารถในการแยกสิ่งเร้าและการตอบสนอง
ผู้เรียนเห็นความแตกต่างของสิ่งของประเภทเดียวกัน
เป็นการจำแนกความแตกต่างด้านทักษะและภาษา สามารถแยกลักษณะของลายเส้นจากหมึกได้
6.
การเรียนรู้ความคิดรวบยอด ( Concept Learning ) เป็นความสามารถที่ผู้เรียนมองเห็นลักษณะร่วมของสิ่งต่างๆ
เช่น เมื่อนึกถึงวิทยุก็นึกถึงความถี่ของเสียง
การใช้ไฟฟ้าและแบตเตอรี่การรับฟังข่าวสาระบันเทิงได้
7.
การเรียนรู้หลักการ ( Principle
Learning ) เป็นการเรียนรู้ที่เกิดจากการนำความคิดรวบยอดสองความคิดหรือมากกว่านั้นมาสัมพันธ์กัน
แล้วสรุปตั้งเป็นกฎเกณฑ์ขึ้น เช่น ไฟฟ้าเป็นสื่อนำความร้อน
8.
การเรียนรู้การแก้ปัญหา ( Problem
- Solving ) การเรียนรู้ด้วยการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากที่ผู้เรียนนำหลักการที่มีประสบการณ์มาก่อนมาใช้ในการแก้ปัญหา
เป็นความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งแวดล้อมและปัญหา เช่น ไฟฟ้าเป็นสื่อนำความร้อน
เราก็นำไฟฟ้ามาใช้หุงต้มได้
เสาวลักษณ์
รัตนวิชช์ (2543: 81-82)
ได้กล่าวถึงทฤษฎีเกี่ยวกับการเรียนรู้ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20
และหลักการจัดการเรียนการสอนไว้ดังนี้ แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้ คือ
ความรู้มีหลายประเภท
บางประเภทสามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็วไม่ต้องใช้ความคิดที่ลึกซึ้ง
บางประเภทมีความซับซ้อนมาก จำเป็นต้องใช้ความสามารถในขั้นสูง
หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ การจัดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบซึ่งเริ่มจากง่ายไปหายากมีทั้งหมด
9 ขั้น ดังนี้
ขั้นที่
1 สร้างความสนใจ(Gaining
attention)
ขั้นที่
2 แจ้งจุดประสงค์(Informing
the learning)
ขั้นที่
3 กระตุ้นให้ผู้เรียนระลึกถึงความรู้เดิมที่จำเป็น(Stimulating recall of prerequisite
learned capabilities)
ขั้นที่
4 เสนอบทเรียนใหม่(Presenting
the stimulus)
ขั้นที่
5 ให้แนวทางการเรียนรู้(Providing
learning guidance)
ขั้นที่
6 ให้ลงมือปฏิบัติ(Eliciting
the performance)
ขั้นที่
7 ให้ข้อมูลป้อนกลับ(Feedback)
ขั้นที่
8 ประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้ตามจุดประสงค์(Assessing the performance)
ขั้นที่
9 ส่งเสริมความแม่นยำและการถ่ายโอนการเรียนรู้(Enhancing retention and transfer)
Gagne and Briggs (1974:121-136) ทฤษฎีการเรียนรู้ของกานเย กล่าวไว้ว่า
การจัดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบซึ่งเริ่มจากง่ายไปหายากมีทั้งหมด 8 ประเภทดังนี้
1.การเรียนรู้สัญญาณ
(signal-learning)
เป็นการเรียนรู้ที่เกิดจากการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่เป็นไปโดยอัตโนมัติ
อยู่นอกเหนืออำนาจจิตใจ ผู้เรียนไม่สามารถบังคับพฤติกรรมไม่ให้เกิดขึ้นได้
2.การเรียนรู้สิ่งเร้า
การตอบสนอง (stimulus-response
learning) เป็นการเรียนรู้ต่อเนื่องจากการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้าและการตอบสนอง
แตกต่างจากการเรียนรู้สัญญาณเพราะผู้เรียนสามารถควบคุมพฤติกรรมตนเองได้
3.การเรียนรู้การเชื่อมโยงแบบต่อเนื่อง
(chaining)
เป็นการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้าและการตอบสนองที่ต่อเนื่องกันตามลำดับ
เป็นพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการกระทำ การเคลื่อนไหว
4.การเชื่อมโยงทางภาษา
(verbal
association) เป็นการเรียนรู้ลักษณะคล้ายกับการเรียนรู้การเชื่อมโยงแบบต่อเนื่อง
แต่เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ภาษา
5.การเรียนรู้ความแตกต่าง
(discrimination
learning) เป็นการเรียนรู้ที่ผู้เรียนสามารถมองเห็นความแตกต่างของสิ่งต่างๆโดยเฉพาะความแตกต่างตามลักษณะของวัตถุ
6.การเรียนรู้ความคิดรวบยอด
(concept
learning) เป็นการเรียนรู้ที่ผู้เรียนสามารถจัดกลุ่มสิ่งเร้าที่มีความเหมือนกันหรือแตกต่างกัน
7.การเรียนรู้กฎ
(rule
learning) เป็นการเรียนรู้ที่เกิดจากการรวมหรือเชื่อมโยงความคิดรวบยอดตั้งแต่สองอย่างขึ้นไปและตั้งเป็นกฎเกณฑ์ขึ้น
8.การเรียนรู้การแก้ปัญหา
(problem
solving) เป็นการเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาโดยยการนำกฎเกณฑ์ต่างๆมาใช้
การเรียนรู้นี้เป็นกระบวนการที่เกิดภายในตัวผู้เรียน
สรุป
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มผสมผสานของกานเย
(Gagne’s
eclecticism) แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้ คือ
ความรู้มีหลายประเภท
บางประเภทสามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็วไม่ต้องใช้ความคิดที่ลึกซึ้ง
บางประเภทมีความซับซ้อนมาก จำเป็นต้องใช้ความสามารถในขั้นสูง หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้
คือ การจัดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบซึ่งเริ่มจากง่ายไปหายาก
กานเย
(Gagne)
ได้จัดประเภทของการเรียนรู้ เป็นลำดับขั้นจากง่ายไปหายากไว้ 8
ประเภท ดังนี้
1.1
การเรียนรู้สัญญาน(signal-learning)
1.2
การเรียนรู้สิ่งเร้า-การตอบสนอง(stimulus-response)
1.3
การเรียนรู้การเชื่อมโยงแบบต่อเนื่อง (chaining)
1.4
การเชื่อมโยงทางภาษา (verbal
association)
1.5
การเรียนรู้ความแตกต่าง (discrimination
learning)
1.6
การเรียนรู้ความคิดรวบยอด (concept learning)
1.7
การเรียนรู้กฎ (rule
learning)
1.8
การเรียนรู้การแก้ปัญหา (problem
solving)
ที่มา
ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์. (2543: 86-88
). ศาสตร์การสอนองค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มี
ประสิทธิภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ประสิทธิภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
เสาวลักษณ์ รัตนวิชช์. (2543: 81-82). ศาสตร์การสอนองค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ.
พิมพ์ครั้งที่
5. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น